ระดับความสุก ของเนื้อวากิว ให้ความอร่อยที่แตกต่างกันยังไง? BY Mix Beef Club & Restaurant BKK

เนื้อวากิว มักถูกยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งเนื้อวัว ด้วยความนุ่มละลายในปากและรสชาติที่หอมหวานเป็นเอกลักษณ์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความอร่อยของเนื้อวากิวนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับ ระดับความสุก อีกด้วย

การเลือกระดับความสุกที่เหมาะสมจะช่วยดึงเอารสชาติที่ซ่อนอยู่ในเนื้อวากิวออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปไขปริศนาความอร่อยที่แตกต่างกันของเนื้อวากิวในแต่ละระดับความสุก พร้อมทั้งแนะนำเคล็ดลับในการเลือกระดับความสุกที่เหมาะกับความชอบของคุณ

ทำไมระดับความสุกถึงส่งผลต่อรสชาติของเนื้อวากิว?

1. ไขมันภายใน: เนื้อวากิวมีไขมันแทรกอยู่ภายในเนื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่มาของความนุ่มละลายในปาก เมื่อนำไปปรุงอาหาร ไขมันเหล่านี้จะละลายออกมา ทำให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำและนุ่มลิ้น การเลือกระดับความสุกที่เหมาะสมจะช่วยให้ไขมันละลายออกมาในปริมาณที่พอดี หากย่างสุกเกินไป ไขมันจะระเหยออกไปหมด ทำให้เนื้อแห้งและแข็ง

2. รสชาติ: ความร้อนจะช่วยดึงรสชาติที่ซ่อนอยู่ในเนื้อออกมา การปรับระดับความสุกจะช่วยให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รสชาติที่เข้มข้นของเนื้อดิบ ไปจนถึงรสชาติที่หอมหวานของเนื้อสุก ยิ่งเนื้อสุกมากเท่าไหร่ รสชาติที่ได้ก็จะยิ่งแตกต่างออกไป

3. เนื้อสัมผัส: ระดับความสุกที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อความนุ่มและความเหนียวของเนื้อ โดยทั่วไปแล้ว เนื้อที่ย่างแบบ Rare หรือ Medium Rare จะมีความนุ่มและฉ่ำที่สุด แต่ถ้าหากย่างสุกเกินไป เนื้อจะแข็งและแห้ง

ระดับความสุกของเนื้อวากิวที่นิยม

Blue Rare: เนื้อสุกแค่ผิวด้านนอกเล็กน้อย ด้านในยังดิบอยู่เกือบทั้งชิ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติของเนื้อดิบแท้ๆ

Rare: เนื้อสุกกำลังดี จนเนื้อชั้นนอกเป็นสีน้ำตาลอมเทา ส่วนเนื้อด้านในยังมีสีแดงสด หรือส่วนที่ดิบนับได้เป็น 75% ของเนื้อทั้งชิ้น

Medium Rare: เนื้อสุกประมาณ 50% ด้านในยังมีสีชมพูอ่อน เป็นระดับความสุกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความนุ่ม ฉ่ำ และได้รสชาติของเนื้ออย่างเต็มที่

Medium: เนื้อสุกประมาณ 75% ด้านในเป็นสีชมพูอ่อน เนื้อจะมีความเหนียวขึ้นเล็กน้อย

Medium Well: เนื้อสุกเกือบทั้งชิ้น ด้านในยังเหลือสีชมพูเล็กน้อย

Well Done: เนื้อสุกทั่วทั้งชิ้น เนื้อจะแข็งและแห้ง

ระดับความสุกแบบไหนที่เหมาะกับส่วนต่างๆ ของเนื้อวากิว?

ปริมาณไขมัน: แต่ละส่วนจะมีปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ส่วนที่มีไขมันเยอะ เช่น สันใน เมื่อย่างสุกปานกลางจะทำให้ไขมันละลายออกมาได้อย่างพอดี แต่ถ้าย่างสุกมากเกินไป ไขมันจะระเหยออกไปหมด ทำให้เนื้อแห้ง

เนื้อสัมผัส: เนื้อส่วนที่เหนียว เช่น เนื้อสันนอก ควรย่างในระดับความสุกที่ปานกลางถึงสุก เพื่อให้เนื้อนุ่มขึ้น

รสชาติ: แต่ละส่วนจะมีรสชาติที่แตกต่างกัน การเลือกระดับความสุกที่เหมาะสมจะช่วยดึงรสชาติเฉพาะตัวของแต่ละส่วนออกมาได้อย่างเต็มที่ที่

สันนอก (Rib Eye) = มีไขมันแทรกเยอะ เนื้อนุ่ม ละลายในปาก ระดับความสุก Medium Rare – Medium

สันใน (Sirloin) = เนื้อแน่น มีเส้นใยเนื้อชัดเจน ระดับความสุก Medium - Medium Well

สันนอกปลาย (Striploin) = เนื้อนุ่ม มีไขมันแทรกปานกลาง ระดับความสุก Medium Rare – Medium

สันในปลาย (Tenderloin) = เนื้อนุ่ม ไม่มีไขมันแทรก ระดับความสุก Medium Rare

สันคอ (Chuck Eye Roll) = เนื้อมีเส้นใย เหมาะสำหรับทำสเต๊ก ระดับความสุก Medium Well

สันสะโพก (Top Sirloin) = เนื้อแน่น มีรสชาติเข้มข้น ระดับความสุก Medium Well

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการรับประทานเนื้อวากิวให้อร่อย

พักเนื้อก่อนปรุง: ควรนำเนื้อวากิวออกจากตู้เย็นประมาณ 30 นาทีก่อนปรุง เพื่อให้อุณหภูมิของเนื้อปรับตัว

พักเนื้อหลังปรุง: หลังจากปรุงเสร็จ ควรพักเนื้อไว้ประมาณ 5-10 นาทีก่อนหั่น เพื่อให้เนื้อได้พักตัวและน้ำที่อยู่ในเนื้อได้กระจายตัวทั่วถึง

เลือกเครื่องเคียง: เลือกเครื่องเคียงที่เข้ากันกับรสชาติของเนื้อวากิว เช่น เกลือทะเล พริกไทยดำ หรือวาซาบิ

จับคู่กับไวน์: การจับคู่ไวน์กับเนื้อวากิวจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน

>

สรุป

การเลือกระดับความสุกของเนื้อวากิวเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ผสมผสานกัน การเลือกให้เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้ลิ้มรสความอร่อยที่แท้จริงของเนื้อวากิว การลองผิดลองถูกและการทดลองกับระดับความสุกที่แตกต่างกันจะช่วยให้คุณค้นพบความชอบส่วนตัวและวิธีการปรุงเนื้อวากิวที่อร่อยที่สุด และถ้าคุณไม่อยากปวดหัวกับการดูความสุกเนื้อมาที่ เราสิ ที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK


สามารเลือกจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่

โทร: 098-656-5655

เว็บไซต์: https://mixrestaurantandbar.com/

Facebook: Mix Beef Club & Restaurant BKK

Instagram: @mixbeefclubbkk