Australian Wagyu ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่การเลือกซื้อให้ได้ชิ้นที่ดีนั้นต้องอาศัยเทคนิคบางประการ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกวิธีการเลือกซื้อ Australian Wagyu เพื่อให้คุณได้อิ่มอร่อยกับเนื้อคุณภาพเยี่ยม
Australian Wagyu คือเนื้อวัวที่ได้จากการนำสายพันธุ์วัววากิวจากญี่ปุ่นไปเลี้ยงและขุนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด ทำให้ได้เนื้อวัวที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับวากิวญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ลายหินอ่อนสวยงาม: ลายหินอ่อนที่เกิดจากไขมันแทรกในเนื้อ ทำให้เนื้อวากิวมีลักษณะนุ่ม ละลายในปาก และมีรสชาติที่เข้มข้น
รสชาติอร่อย: Australian Wagyu มีรสชาติที่หวาน หอม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
คุณภาพสูง: ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเลี้ยงวัวจนถึงกระบวนการแปรรูป
ราคาเข้าถึงได้ง่าย: เมื่อเทียบกับวากิวญี่ปุ่นแล้ว วากิวออสเตรเลียมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
1.สังเกตสีของ Australian Wagyu : ในการเลือกซื้อ Australian Wagyu สิ่งสำคัญคือเราจะต้องดูว่า Australian Wagyu มีสีแดงสดใส ไม่ซีดจาง และไม่มีรอยช้ำ เพื่อบ่งบอกถึงคุณภาพเนื้อที่ดีๆ และ ข้อควรระวังในการเลือกสีของ Australian Wagyu ว่าสีที่ซีดจางหรือมีสีผิดปกติ อาจบ่งบอกว่าเนื้อไม่สด หรืออาจมีการเก็บรักษาที่ไม่ เหมาะสม ถ้าคุณไม่ระวังละก็ อาจจะทำทำให้เนื้อนั้นเสีย หรือรสชาติอาจจะไม่ได้ตามที่ต้องการ
2.สัมผัส Australian Wagyu : ในการเลือกซื้อ Australian Wagyu เราควรสัมผัสเนื้อเพื่อดูในคุณภาพของเนื้อ เคล็ดลับในการเลือก Australian Wagyu ที่ดีจะมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและยืดหยุ่นเล็กน้อย หากเนื้อนิ่มเกินไป อาจบ่งบอกว่าเนื้อไม่สด หรือหากเนื้อแข็งเกินไป อาจบ่งบอกว่าเนื้อแห้ง
3.เลือกดูลายหินอ่อน : ในการเลือกซื้อ Australian Wagyu เราควรดูลายหินอ่อนที่กระจายในตัวเนื้อ การดูลายหินอ่อน ดังควรดูลายหินอ่อนที่สวยงามและกระจายตัวทั่วถึง เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความนุ่มและรสชาติที่เข้มข้น ยิ่งลายหินอ่อนมากเท่าไหร่ เนื้อก็จะยิ่งนุ่มและมีรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น
4.ตรวจสอบวันผลิต : ในการเลือกซื้อ Australian Wagyu เราควรตรวจสอบวันผลิตด้วยเพราะ นี่เป็นส่วนสำคัญในการเลือกเนื้อ ในการเลือกซื้อเนื้อวากิวที่มีวันผลิตใกล้เคียงกับวันที่ซื้อ เพื่อให้ได้เนื้อที่สดใหม่ การตรวจสอบวันผลิตจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเนื้อที่คุณซื้อนั้นยังคงมีความสดใหม่และคุณภาพดี
5.สอบถามผู้ขาย : หากไม่แน่ใจ สามารถสอบถามผู้ขายเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเนื้อวากิว และวิธีการดูแลรักษา ผู้ขายที่มีความรู้และประสบการณ์ จะสามารถให้คำแนะนำที่ดีในการเลือกซื้อเนื้อวากิวได้
6.ตรวจสอบเกรด : เนื้อวากิวออสเตรเลียจะมีการแบ่งเกรดตามคุณภาพ โดยเกรดที่สูงขึ้นจะบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อที่สูงขึ้น เช่น เนื้อที่มีลายหินอ่อนมากจะมีเกรดที่สูงกว่าเนื้อที่มีลายหินอ่อนน้อย เราเลยได้นำระดับ เกรดของ Australian Wagyu มาให้เลือกดูกัน
เกรด A5: ถือเป็นเกรดสูงสุดของเนื้อวากิว มีลายหินอ่อนมากที่สุด เนื้อนุ่ม ละลายในปาก รสชาติเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การทานเนื้อวากิวระดับพรีเมียม
เกรด A4: มีคุณภาพรองลงมาจาก A5 แต่ยังคงมีลายหินอ่อนที่สวยงามและรสชาติที่อร่อย
เกรด A3, A2, A1: มีปริมาณลายหินอ่อนลดลงตามลำดับ รสชาติจะค่อนข้างเบากว่าเกรด A5 และ A4
เกรด B และ C: เป็นเกรดที่มีปริมาณเนื้อมากกว่า แต่คุณภาพของเนื้อจะต่ำกว่าเกรด A
สันนอก (Rib Eye): เป็นส่วนที่นุ่มที่สุด มีลายหินอ่อนสวยงาม เหมาะสำหรับการย่างหรือทำสเต็ก
สันใน (Sirloin): เนื้อนุ่ม มีไขมันแทรกน้อยกว่าสันนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเนื้อที่มีรสชาติเข้มข้น
ริบอาย (Rib Eye): เนื้อมีขนาดใหญ่ มีทั้งส่วนที่มีไขมันแทรกและส่วนที่ไม่มี เหมาะสำหรับทำสเต็กชิ้นใหญ่
สันคอ (Chuck Eye): เนื้อมีรสชาติเข้มข้น มีเส้นเอ็นเล็กน้อย เหมาะสำหรับนำไปตุ๋นหรือทำสตูว์
ย่าง: วิธีการปรุงที่นิยมที่สุด เพราะช่วยรักษาความนุ่มและรสชาติของเนื้อได้ดีที่สุด
ปิ้ง: เหมาะสำหรับการทำบาร์บีคิว หรือปิ้งย่าง
ผัด: เหมาะสำหรับทำอาหารจีน หรืออาหารเอเชีย
ตุ๋น: เหมาะสำหรับส่วนเนื้อที่เหนียว หรือต้องการทำซุป
การเลือกซื้อเนื้อวากิวออสเตรเลียที่ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกรดของเนื้อ และสังเกตรายละเอียดต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น คุณก็จะสามารถเลือกซื้อเนื้อวากิวที่มีคุณภาพได้อย่างมั่นใจ และได้ลิ้มลองรสชาติอันเลิศล้ำของเนื้อวากิวออสเตรเลียได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณไม่อยากปวดหัวกับการเลือก Australian Wagyu มาที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK เรามี Australian Wagyu ให้เลือกหลายรูปแบบ
โทร: 098-656-5655
เว็บไซต์: https://mixrestaurantandbar.com/
Facebook: Mix Beef Club & Restaurant BKK
Instagram: @mixbeefclubbkk