แจกสูตรทำ สปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิล (Spaghetti Truffle Cream Sauce) ทำที่บ้านเองง่ายๆ

ใครๆ ก็อยากทานอาหารอร่อย โดยเฉพาะเมนูสุดคลาสสิก อย่าง "สปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิล" ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอมกรุ่น กลมกล่อม ของซอสครีมผสมทรัฟเฟิล ทานคู่กับเส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่ม โรยด้วยชีสพาร์เมซาน แต่หลายคนอาจคิดว่า เมนูนี้ต้องไปทานที่ร้านถึงจะอร่อย แท้จริงแล้ว คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

ในบทความนี้ เราจะมาแจกสูตรเด็ด วิธีทำสปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิล ที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง วัตถุดิบหาซื้อง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ร้านดังแน่นอน

เตรียมตัวให้พร้อม คว้ากระทะ เปิดไฟ แล้วมาลองทำสปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิล สูตรนี้กัน

วัตถุดิบที่ใช้

- พาสต้าเส้นแบน (Fettuccine) 4-6 ก้อน

- เห็ดแชมปิยองสีน้ำตาล Brown Button Mushroom หั่นหนา 1 ซม. 200 กรัม

- ทรัฟเฟิลเข้มข้น (Truffle Paste) 3 ช้อนโต๊ะ

- นมสดไขมันเต็ม 1 ถ้วยตวง หรือ 200 มิลลิลิตร

- ครีมแท้ ชนิดวิปปิ้งครีม 50 มิลลิลิตร

- เนยสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ

- หอมใหญ่ 1/4 ลูก สับละเอียดยิบ

- กระเทียมจีน 1 กลีบเล็ก สับละเอียดยิบ

- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (เริ่มต้น)

- พริกไทดำตามชอบ

วิธีทำสปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิล

1. ต้มเส้น โดยเริ่มจากตั้งน้ำเปล่าให้เดือด ใส่เส้นพาสต้าลงไปต้ม (ไฟกลาง) ช่วงแรกให้คนหน่อยครับ ต้มไป 10 นาที (หรือตามที่ระบุที่ห่อ) เอาขึ้นใส่กระชอน ล้างน้ำเย็นเพื่อหยุดความร้อน จากนั้นนำน้ำมันในขวด truffle paste 1 ช้อนชาใส่ลงไปเคลือบเพื่อไม่ให้เส้นติด และเพิ่มความหอม พักเส้นรอไว้

2. ทำซอสเห็ดทรัฟเฟิล โดยเริ่มจากการผัดเห็ด หอมใหญ่ เนย และเกลือในกะทะไฟกลางถึงแรง ประมาณ 2 นาทีจนเห็ดเกรียม และเหี่ยวลง

3. ใส่กระเทียม ลงไปผัดอีก 30 วินาที

4. ใส่นมสดลงไป ตามด้วยครีม ต้มกับเห็ดที่ผัดแล้วจนเดือด และนมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (ขั้นตอนนี้ ถ้าใครไม่อยากกินพาสต้า สามารถตักขึ้นทานเป็นซุปเห็ดได้เลย อร่อย นัว หอม หวานมาก)

5. ต้มไปอีกซัก 1 นาที จนครีมซอสงวดลงเล็กน้อย

6. ปิดไฟ และใส่ truffle paste ลงไปผสม

7. ชิมน้ำซอส ต้องให้เค็มนำนิดนึง เค็มนำหมายความว่าตอนชิมซอสแล้วถ้าอร่อยพอดี ให้เติมเกลือลงไปอีกซัก 1/4 ช้อนชา มันจะเค็มเกินไปหน่อย แต่พอใส่เส้นลงไปคลุกมันจะพอดี

8. เปิดไฟกลาง ใส่เส้นที่ต้มสุกแล้วลงไปคลุกกับซอส ตอนนี้เหมือนน้ำซอสจะยังเหลวๆนองๆ แต่พอคนต่อไปอีก 30 วินาที น้ำซอสจะซึมเข้าไปในเส้น และซอสจะเข้นขึ้นพอดี

9. ตักขึ้นใส่จาน ใส่พริกไทดำป่นก่อนเสิร์ฟ

เทคนิคแบบรายละเอียดเพื่อได้ความอร่อยเหมือนต้นฉบับ

ในขั้นตอนที่ 1 ที่ให้ต้มเส้นก่อนทำซอส ล้างด้วยน้ำเย็น และใส่น้ำมันทีหลัง ถ้าเพื่อนชาวอิตาเลี่ยนมาอ่านคงนั่งด่าในใจ เพราะมันคือการทำตรงข้ามกับชาวอิตาเลี่ยนหมดเลย 5555

ของเขาจะต้องทำซอสพร้อมต้มเส้น พอเริ่มผัดเห็ดเตานึง อีกเตาก็จะเริ่มต้มเส้น น้ำที่ต้มเส้นก็ต้องใส่เกลือจนเค็มเหมือนน้ำทะเลเมดิเตอเรเนียนพอซอสทำและปรุงเสร็จหมาดๆ เส้นจะสุกพอดี เขาจะยกเส้นร้อนๆขึ้นจากน้ำเปล่าลงน้ำซอสทันที มันเป็นศิลปะของชาวอิตาเลี่ยนแบบ home cook

แต่ที่ผมให้ต้มเส้นก่อน เพราะมันเป็นเทคนิคการ preparation แบบร้านอาหาร เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ตอนทำซอสจะได้ไม่ต้องมาพวงกับการต้มเส้นไงครับ ทำให้เสร็จทีละอย่าง ปลอดภัยกว่า ถ้าเซียนแล้วค่อยทำแบบอิตาเลี่ยนเขา

ในขั้นตอนที่ 2 ตอนผัดเห็ด เกลือ และเนยขั้นตอนนี้สำคัญมากๆเพราะเป็นการสร้างกลิ่นรสของเห็ดที่หอมหวล

เนยกับไฟแรงๆ ผสมกับหอมใหญ่จะช่วยให้เห็ดเกรียมเป็นสีน้ำตาลไวขึ้น เนยมีโปรตีนนม มีกรดอะมิโน หอมใหญ่จะปล่อยน้ำตาลออกมา เกลือช่วยลดค่ากิจกรรมของน้ำ (water activity)

ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้เกิดปฏิกิริยาสีน้ำตาล (Maillard Reaction) กับเห็ดได้ไวขึ้น ซึ้งจากโพสต์ก่อนๆได้อธิบายไปแล้วว่า ปฏิกิริยานี้จะให้ทั้งสี และกลิ่นแบบ meaty หรือเนื้อย่างเกรียมๆ ทั้งๆที่ไม่มีเนื้อสัตว์ในสูตรนี้เลย

อีกทั้งเนยยังมีกลิ่นจาก diacetyl ซึ่งให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเนยสดอีกด้วย

ต่างจากการใช้น้ำมันพืชผัด เพราะน้ำมันพืชไม่มีกรดอะมิโน ไม่มีโปรตีนนม และไม่มีกลิ่นหอมเหมือนเนย เราใส่เนยแค่นิดเดียวครับ แค่ 1 ช้อนโต๊ะเอง แต่มันสร้างความแตกต่างมากๆ ไม่อ้วนมากหรอกครับ

ในขั้นตอนที่ 3 กระเทียมต้องใส่ตอนหลัง เพราะถ้าใส่ไปตั้งแต่แรก กระเทียมมีสิทธิ์ที่จะไหม้ได้ ถ้ากระเทียมไหม้ มันจะขม แทนที่จะได้รสหอมหวานของกระเทียมสุก การที่เราสับกระเทียมละเอียด ผัดต่อไปอีก 30 วินาทีก็สุกแล้ว

ในขั้นตอนที่ 4 สูตรในเน็ตทั่วไป มักจะให้ใส่แต่ครีม ในครีมซอส แต่การใส่ครีมล้วนๆลงไปมันเลี่ยนมากๆๆครับ และยิ่งตอนใส่เส้นลงไปผัด เส้นจะคายแป้งออกมา ยิ่งทำให้ครีมมีความ “แหยะ และเหนอะหนะ” ในปากไปอีก

ในขั้นตอนที่ 5 การที่ต้มต่อไปอีก1นาที ช่วยให้ทั้งรสและสีของเห็ดซึมออกผสมกับนมและครีม จะได้ซอสสีน้ำตาลสวย

ในขั้นตอนที่ 6 ต้องปิดไฟก่อนใส่ truffle paste เพราะใน truffle paste มีกลิ่นของทรัฟเฟิลที่ไม่ทนความร้อนครับ ดังนั้นการจะใส่ทรัฟเฟิลลงไปต้องใส่ทีหลังสุดเลย ไม่งั้นถ้าใส่ไปผัดตั้งแต่แรก กลิ่นจะระเหยหายไปหมดครับ (เหมือนกับกลิ่นวานิลลาแท้ ที่ไม่ทนความร้อนเหมือนกัน)

ในขั้นตอนที่ 7 สำคัญมาก เพราะเป็นตัววัดความสามารถของลิ้นครับ ซอสมันต้องเค็มนำนิดนึง แต่ไม่เค็มปี๋ พอใส่เส้น เส้นจะดูดเกลือเข้าไป ทำให้ซอสเค็มลดลงภายหลังครับ

ในขั้นตอนที่ 8 ตอนนี้จำเป็นต้องเปิดไฟอีกครั้งครับ เพื่อเป็นการอุ่นเส้นที่ต้มสุกรอไว้จนอาจจะเย็นไปแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นทรัฟเฟิลครับ ตอนนี้กลิ่นมันถูกตรีงไปในครีมซอสแล้วครับ

แต่ถ้าใครที่ขี้เกียจไม่อยากทำเอง มากินที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK: ดื่มด่ำกับ Tomahawk Steak และไวน์ชั้นเลิศ ใจกลางกรุงเทพฯ สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่เหนือระดับ กับ Tomahawk Steak ชิ้นใหญ่ ย่างบนไฟแรง เสิร์ฟคู่กับไวน์ชั้นเลิศ ที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK


จองโต๊ะล่วงหน้า

โทร: 098-656-5655

เว็บไซต์: https://mixrestaurantandbar.com/

Facebook: Mix Beef Club & Restaurant BKK

Instagram: @mixbeefclubbkk