Dry Aged เคล็ดลับความอร่อยที่เหนือกว่า

Dry Aged กลายเป็นเทรนด์การกินที่ได้รับ ความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดแค่เนื้อวัว แต่ยัง รวมถึง เนื้อ สัตว์ อื่นๆ เช่น แกะ หมู และเป็ด เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มรสชาติ ความน่มุ และความหอมของเนื้อสัตว์ บทความนี้ Mix Beef Club & Restaurant BKK จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ "Dry Aged" เผยเคล็ดลับความอร่อยที่เหนือกว่า

Dry Aged คืออะไร?

ก่อนจะทำการ Dry Aged เราต้องรู้ก่อนว่า Dry Aged คืออะไร ?

การ Dry Aged คือ กระบวนการบ่มเนื้อโดยไม่ใช้น้ำเกลือ โดยทั่วไปจะใช้เวลา 21-28 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเนื้อสัตว์ กระบวนการนี้ช่วยให้เนื้อสูญเสียความชื้น ทำให้เนื้อแน่นขึ้น เอนไซม์ธรรมชาติในเนื้อสัตว์จะเริ่มย่อยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ส่งผลให้เนื้อนุ่มละมุนลิ้นมากขึ้น

ตัวอย่างเช่นการ Dry Aged เนื้อวัว

เมื่อนำเนื้อวัว Dry Aged จะทำให้มีรสชาติเข้มข้น หอมนัว กลมกล่อม เนื้อสัมผัสจะมีความนุ่มละมุน เคี้ยวง่าย มีความชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง

เมนูที่แนะนำ

สเต็ก

เมนูคลาสสิกที่แสดงถึงความอร่อยของเนื้อ Dry Aged ได้อย่างเต็มที่ นิยมเลือกส่วนเนื้อที่มีไขมันแทรก เช่น ริบอาย ทีโบน นิวยอร์กสเต็ก นำมาย่างบนไฟแรงพอประมาณ ปรุงตามระดับความสุกที่ต้องการ เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งอบ ผักย่าง ซอสต่างๆ

บาร์บีคิว

เนื้อ Dry Aged เหมาะกับการปิ้งย่างเป็นอย่างยิ่ง เพราะไขมันแทรกในเนื้อจะช่วยให้เนื้อชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง สามารถนำมาปิ้งย่างแบบสเต็ก หรือหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด หรือซอสบาร์บีคิว

เบอร์เกอร์

เนื้อ ยกระดับเบอร์เกอร์ของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้นด้วยเนื้อ Dry Aged บดเนื้อให้ละเอียด ผสมกับเครื่องปรุงรสตามชอบ ปั้นเป็นก้อน นำไปย่างหรือทอด ประกบกับขนมปัง ผักสด ซอสต่างๆ

ข้อดีของ Dry Aged

1. รสชาติเข้มข้น

ระหว่างการบ่มเนื้อวัวจะสูญเสียความชื้นประมาณ 7-10% ส่งผลให้เนื้อแน่นขึ้น รสชาติเข้มข้นขึ้น และมีสีเข้มขึ้น และ เอนไซม์ธรรมชาติในเนื้อวัวจะเริ่มย่อยโปรตีนเป็นกรดอะมิโน กรดอะมิโนเหล่านี้มีรสชาติที่หลากหลาย ช่วยให้เนื้อ Dry Aged มีรสชาติกลมกล่อม หอมนัว กับ ไขมันแทรกในเนื้อวัวจะละลายง่ายขึ้น ทำให้เนื้อชุ่มฉ่ำ

2.เนื้อสัมผัส

เอนไซม์ธรรมชาติในเนื้อวัวจะย่อยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้เนื้อนุ่มละมุน เคี้ยวง่าย

3.คุณค่าทางโภชนาการ

เนื้อ Dry Aged มีปริมาณกรดอะมิโนสูง กรดอะมิโนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เนื้อ Dry Aged มีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัสสูง เนื้อ Dry Aged มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ป้องกันโรคต่างๆ

4.อายุการใช้งาน

เนื้อ Dry Aged สามารถเก็บรักษานานขึ้น โดยไม่ต้องแช่แข็ง

5.ประสบการณ์การทานอาหาร

เนื้อ Dry Aged มอบประสบการณ์การทานอาหารที่เหนือระดับ รสชาติที่เข้มข้น หอมนัว เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน และ เหมาะสำหรับงานเลี้ยง มื้อพิเศษ หรือผู้ที่ชื่นชอบเนื้อสัตว์

Dry Aged มีข้อเสียอยู่บ้าง ?

Dry Aged เป็นเทคนิคการบ่มเนื้อที่ช่วยเพิ่มรสชาติ ความนุ่ม และความหอมของเนื้อวัว แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ดังนี้

1.ราคาแพงไม่เหมาะสมกับคนที่ไม่มีกำลังซื้อ

เนื้อ Dry Aged จะมีราคาแพงกว่าเนื้อทั่วไป เนื่องจากใช้เวลาบ่มนาน สูญเสียเนื้อระหว่างการบ่ม และต้องใช้ตู้แช่พิเศษ และ ราคาที่แพงขึ้นมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง ค่าใช้จ่ายในการบ่ม และจำนวนเนื้อที่เหลือทานได้จริง

2.ถ้าไม่มีความรู้อาจจะเสียเนื้อด้วยใช่เหตุ

ระหว่างการบ่ม เนื้อวัวจะสูญเสียความชื้นประมาณ 7-10% และส่วนที่แห้งแข็ง ทำให้เหลือเนื้อที่ทานได้ประมาณ 70% และ การสูญเสียเนื้อส่งผลต่อต้นทุนและจำนวนเนื้อที่ได้จริง

3.ระยะเวลา

ใช้เวลาบ่มนาน ประมาณ 21-28 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเนื้อสัตว์ และ ระยะเวลาการบ่มที่นาน อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการทานเนื้อสดใหม่ หรือต้องการทานเนื้อทันที

ขั้นตอนการ Dry Aged

1.เลือกเนื้อ

การเลือกเนื้อที่มีคุณภาพนั้นส่งผลกับรสชาติเป็นอย่างมาก เพราะ จะแนะนำให้เลือกเนื้อวัวที่มีส่วนไขมันแทรก เช่น เนื้อส่วนริบอาย ทีโบน นิวยอร์สเต็ก และ เนื้อควรมีสีสด ไม่มีกลิ่นเหม็น และ ไม่มีคราบสกปรก อุณหภูมิที่ควรเก็บเนื้อควรอยู่ที่ประมาณ 4 องศาเซลเซียส

2.เตรียมเนื้อเพื่อ Dry Aged

เมื่อเราได้เนื้อวัวมาแล้ว เพื่อจะทำการ Dry Aged อยากแรกควรตัดแต่งเนื้อ ลบส่วนที่ไม่ต้องการ เช่น เอ็น ไขมันส่วนเกิน เช็ดเนื้อให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่ ทาเกลือบางๆ ทั่วผิวเนื้อ เพื่อช่วยดูดซับความชื้น

3.บ่มเนื้อ

เมื่อทำการเตรียมเนื้อในตู้ Dry Aged ที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการไหลเวียนของอากาศได้อย่างเหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการ Dry Aged คือ 0 – 3 องศาเซลเชียส ความชื้นที่เหมาะสมสำหรับการ Dry Aged คือ 60 – 80% และ ระยะเวลาการบ่มเนื้อ ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของเนื้อสัตว์ โดยทั่วไปจะใช้เวลาบ่มประมาณ 21-28 วัน

4.เช็คเนื้อวัวอยู่สม่ำเสมอ

เราควรเช็คเนื้อเป็นประจำ ดูว่าเนื้อแห้งลงอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีราขึ้น และ ดูว่าเนื้อแห้งลงอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีราขึ้น

5.นำมาปรุงอาหาร

เมื่อบ่มเนื้อเสร็จ นำเนื้อออกจากตู้ Dry Aged พักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที ก่อนนำไปปรุงอาหาร

ข้อควรระวังในการทำเนื้อ Dry Aged

- ควรใช้ตู้ Dry Aged ที่ได้มาตรฐาน เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการไหลเวียนของอากาศได้อย่างเหมาะสม

- ควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเนื้อ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน

ถ้าอยากกินเนื้อ Dry Aged A5 มากินที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK: ดื่มด่ำกับ Tomahawk Steak และไวน์ชั้นเลิศ ใจกลางกรุงเทพฯ สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่เหนือระดับ กับ Tomahawk Steak ชิ้นใหญ่ ย่างบนไฟแรง เสิร์ฟคู่กับไวน์ชั้นเลิศ ที่ Mix Beef Club & Restaurant BKK


จองโต๊ะล่วงหน้า

โทร: 098-656-5655

เว็บไซต์: https://mixrestaurantandbar.com/

Facebook: Mix Beef Club & Restaurant BKK

Instagram: @mixbeefclubbkk